สบู่น้ำมันมี 2 ประเภท
1. สบู่ CP (Cold Process)
เป็นการผลิตที่กระบวนการผลิตเริ่มตั้งแต่การทำเบสสบู่ โดยอาศัยปฏิกิริยาทางเคมี คือ น้ำมัน (ทั้งจากพืชและสัตว์) + ด่าง=สบู่ การทำสบู่แบบนี้ ผู้ผลิตสามารถกำหนดคุณภาพสบู่ที่ต้องการได้เอง เช่น สบู่เพื่อผิวแห้ง ผิวมัน สบู่บำรุงผิว สบู่อ่อนที่อ่อนโยนต่อผิว โดยการเลือกน้ำมันที่คุณสมบัติเหมาะสม เพื่อผลิตสบู่ให้ได้ตามคุณภาพที่ต้องการ
ขั้นตอนการผลิตสบู่แบบ CP จะเริ่มจากการผสมด่างกับน้ำมัน และกวนให้เข้ากัน (Trace) แล้วเติมสี แต่งกลิ่น เทลงโมล การทำสบู่ CP เราสามารถสร้างลวดลายบนสบู่ได้อย่างหลากหลาย ถือเป็นศิลปะอีกแขนงหนึ่งก็ว่าได้ หลังจากผลิตสบู่เสร็จ จะต้องบ่มสบู่ไว้ประมาณ 2-3 สัปดาห์ เพื่อให้ปฏิกิริยาการเกิดสบู่ดำเนินไปอย่างสมบูรณ์ไม่มีด่างหลงเหลืออยู่ ซึ่งเมื่อครบกำหนดแล้ว ผู้ผลิตจะต้องทำการทดสอบค่า PH โดยค่าสบู่ที่ดีควรมี PH ประมาณ 8
ทั้งนี้ อย. ของไทยกำหนดค่า PH ของสบู่ว่า ควรอยู่ระหว่าง 8-11
![]() |
สบู่ CP |
2. สบู่ HP (Hot Process)
มีวัตถุดิบตั้งต้นเหมือนสบู่ CP ทุกอย่าง แต่ต่างกันที่กรรมวิธีการผลิต คือ เริ่มต้นจากการนำน้ำมัน ผสมกับน้ำด่าง หลังจากนั้น จะนำไปตุ๋นไฟอ่อนๆ เป็นการให้ความร้อนเพื่อเร่งการทำปฏิกิริยาให้เป็นสบู่เร็วขึ้น จากนั้น ผสมสี กลิ่น (ถ้าต้องการ) ซึ่งการใช้ความร้อนช่วยในการตุ๋นสบู่นั้นเป็นการแทนที่การตากสบู่เหมือนสบู่ CP ที่ต้องตากกันถึง 4 สัปดาห์ทีเดียว หลังจากนั้นจึงตากสบู่ทิ้งไว้อีก 1-2 วัน ให้สบู่แข็งตัว แล้วจึงนำมาตัดเป็นก้อนๆ
![]() |
สบู่ HP |
หลายคนคงจะเริ่มมีข้อสงสัยว่า สบู่แบบ Hot Process (HP) กับ Cold Process (CP) ที่มีวัตถุดิบเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ HP ใช้ความร้อนมาทำให้ปฏิกิริยาการเกิดสบู่เร็วขึ้น จากที่ต้องบ่มสบู่ 4 สัปดาห์ เหลือเพียง 3 วัน ก็สามารถนำมาใช้งานหรือจำหน่ายได้
คุณสมบัติสบู่ที่ได้ของกรรมวิธีทั้ง 2 แบบไม่แตกต่างกัน แต่เนื้อสบู่และฟองสบู่อาจจะมีความต่างกันบ้าง กล่าวคือ เนื้อสบู่และฟองสบู่ของ CP จะเนียนละเอียดกว่า เนื่องจากปฏิกิริยาของสบู่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ทำให้มีเวลาสร้างสรรค์ลวดลายในเนื้อและหน้าสบู่ จนเกิดเป็นงานศิลปะได้ ในขณะที่ สบู่ HP ผ่านการตุ๋นจนเนื้อสบู่ข้น จึงไม่อาจสร้างลวดลายต่างๆได้มากนัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น